เมื่อการมรณภาพของท่านอาจารย์มั่นผ่านไป เข้าไปกราบเท้าท่าน นั่งรำพึงรำพันปลงความสลดสังเวช น้ำตาไหลนองอยู่ปลายเท้าท่านเกือบ ๒ ชั่วโมง พร้อมทั้งพิจารณาธรรมภายในใจของตน ับโอวาทที่ท่านอาจารย์ให้ความเมตตาอุตส่าห์สั่งสอนเรามาเป็นเวลา ๘ ปีที่อาศัยอยู่กับท่าน การอยู่เป็นเวลานานถึงเพียงนี้ แม้คู่สามีภรรยาซึ่งเป็นที่รักยิ่ง หรือลูกๆ ผู้เป็นที่รักของพ่อแม่อยู่ด้วยกัน ก็จะต้องมีข้อข้องใจต่อกันเป็นบางกาล แต่ท่านอาจารย์มั่นกับศิษย์ที่มาพึ่งร่มเงาของท่านเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ไม่เคยมีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเป็นที่เคารพรักและเลื่อมใสหาประมาณมิได้ ท่านก็ได้จากเราและหมู่เพื่อนผู้หวังดีทั้งหลายไปเสียแล้วในวันนั้น
อนิจฺจา วต สงฺขารา เรือนร่างของท่านนอนสงบนิ่งอยู่ด้วยอาการอันน่าเลื่อมใสและอาลัยยิ่งกว่าชีวิตจิตใจ ซึ่งสามารถสละแทนได้ด้วยความรักในท่าน กับเรือนร่างของเราที่นั่งสงบกาย แต่ใจหวั่นไหวอยู่ด้วยความหมดหวังและหมดที่พึ่งต่อท่าน ผู้จะให้ความร่มเย็นต่อไปทั้งสองเรือนร่างนี้รวมลงในหลักธรรม คือ อปฺปชฺชิตวา นิรุชฺฌนฺติ เกิดแล้วต้องตาย จะให้เป็นอื่นไปไม่ได้
ส่วนท้านอาจารย์มั่น ท่านเดินแยกทางสมมุติทั้งหลายไปตามหลักธรรมบทว่า เตสํ วูปสโม สุโข ท่านายในชาติที่นอนสงบให้ศิษย์ทั้งหลายปลงธรรมสังเวชชั่วขณะเท่านั้น ต่อไปท่านจะไม่มาเป็นบ่อแห่งน้ำตาของลูกศิษย์เหมือนสมมุติทั่วๆ ไป เพราะจิตของท่านที่ขาดจากภพชาติ เช่นเดียวกับหินที่หักขาดจากกันคนล่ะชิ้น จะต่อให้ติดกันสนิทอีกไม่ได้ฉันนั้น
ผมนั่งรำพึงอยู่ด้วยความหมดหวัง และปัญหาทั้งหมดภายในจิตใจที่เคยปลดเปลื้องกับท่าน บัดนี้เราจะไปปลดเปลื้องกับใคร และใครจะมารับปลดเปลื้องปัญหาของเราให้สิ้นซากไปได้ เหมือนอย่างท่านพระอาจารย์มั่น ไม่มีแล้ว เป็นกับตายก็มีเราคนเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับหมอที่เคยรักษาโรคเราให้หายไม่รู้กี่ครั้ง ชีวิตเราอยู่กับหมอคนเดียวเท่านั้น แต่หมอผู้ให้ชีวิตเรามาประจำวัน ก็ได้สิ้นไปเสียแล้วในวันนี้ เราจึงกลายเป็นสัตว์ป่า เพราะหมดยารักษาโรคภายใน
เมื่อนั่งอาลัยอาวรณ์ถึงท่านด้วยความเคารพรักและเลื่อมใสพร้อมทั้งความหมดหวังในท่าน ก็ได้อุบายต่างๆ ขึ้นมาในขณะนั้นว่า วิธีการสั่งสอนของท่าน เวลามีชีวิตอยู่ท่านสั่งสอนอย่างไร ต้องจับเอาเงื่อนนั้นแลมาเป็นครูสอนตน และท่านเคยย้ำว่าอย่างไรอย่าหนีจากกรรมฐาน คือ ผู้รู้ภายในใจ ถ้าจิตมีความรู้แปลกๆ ซึ่งจะเกิดความเสียหาย ถ้าเราไม่สามารถพิจารณาความรู้ประเภทนั้นได้ ให้ย้อนจิตเข้าสู่ภายในเสีย อย่างไรก็ไม่เสียหาย ท่านสอนอย่างนี้ ก็จับเอาเงื่อนนั้นไว้ แล้วนำไปปฏิบัติต่อตนเองจนเต็มความสามารถ
_________________________________________
บูชาองค์หลวงปู่มั่นด้วยการปฏิบัติ
เทศน์เมื่อ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ดูเหมือนเดือนสาม (ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๗ ตรงกับวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ วันถวายเพลิงศพองค์หลวงปู่มั่น) จิตหมุนตลอดอยู่กับใครไม่ได้ จิตขัันนั้นขั้นอยู่กับใครไม่ได้เลย คิดดูซิมาเผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น เคารพขนาดไหนเรา แต่เราเอาธรรมานุ-ธรรมปฏิปันโน ผู้ใดปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาเราตถาคต เราเอาอันนี้บูชาท่าน ที่จะให้เกี่ยวข้องกับร่างกายมาอุปถัมภ์อุปัฏฐากท่านในศพของท่าน เรามาไม่ได้ เราต้องบูชาท่านด้วยข้อปฏิบัติ นี่ล่ะถึงกาลเวลาที่อยู่ไม่ได้ มันอยู่ไม่ได้จริงๆ คือทางนี้มันก้าวของมันตลอด ก้าวตลอด ที่จะให้ดึงลง มันไม่ลงแล้ว พุ่งๆ
มาในงานศพท่านเพียงสี่วัน ฟังซิ งานศพรวามพระเณรอะไรรวมกันหมดแล้วสี่วัน นั่นล่ะเรามา ทนเอานะนั่น มาก็ไปอยู่ในป่าลึกๆ จะออกมาเฉพาะเวลาจำเป็นๆ เพราะทางนี้มันหมุนตลอด นี่ล่ะธรรมฆ่ากิเลส ท่านทั้งหลายฟังเอา ถึงเวลาฆ่าแล้วไม่รอ กิเลสฆ่าสัตว์โลก ทำลายสัตว์โลก ก็เหมือนกัน คิดแย็บออกตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสสัมพันธ์กับอะไร กิเลสจะออกหน้าๆ กว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเอง ปรกติของโลกเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่เคยคิดแต่ก่อน แต่เวลาธรรมนี้เกิดขึ้นกับเรา มันเป็นอย่างนั้นเป็นเอง ก็ย้อนไปคิดถึงเรื่องกิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์โลก มันทำของมันตลอดเวลาทุกหัวใจ ทีนี้พอธรรมเกิดขึ้นนี้ฆ่ากิเลส อยู่ที่ไหนฆ่าตลอด เว้นแต่หลับ
เพราะฉะนั้น จึงว่าอยู่กับใครไม่ได้ อยู่ไม่ได้จริงๆ มันขวางมันขัดทางเดินของเราที่กำลังก้าวเดินพุ่งๆ แล้วมีอะไรมาขัดมาขวาง เช่น เกี่ยวกับการกับงานกับเพื่อนฝูงนี่ไม่ได้เลย เหมือนกับอะไรมาขวางทาง ปัดออกๆ พุ่งๆ เลย คิดดูเผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอยู่ได้เพียงสี่วันเท่านั้น ทน ธาตุขันธ์ส่วนหยาบ อุปถัมภ์อุปัฏฐากท่านส่วนหยาบ แต่อุปถัมภ์อุปัฏฐากท่านด้วยการปฏิบัติชำระจิตใจอันนี้เยี่ยมกว่าทุกอย่าง เราเอาอันนี้บูชาท่าน มาเผาศพท่านได้สี่วันโดดผึงเลยเข้าป่า
_________________________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น