วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

พลิกล็อค

เล่าเรื่องโดย ชยสาโร ภิกขุ



          เกจิอาจารย์ท่านหนึ่งนั่งทางในเก่งมาก  จึงมีคนชอบไปให้ท่านดูว่า  ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้ว บัดนี้เขาไปอยู่ที่ใด หญิงสาวคนหนึ่งมีพี่ชายเป็นพระซึ่งเพิ่งมรณภาพ  ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  แม้โยมน้องสาวจะมั่นใจว่าท่านต้องไปเกิดบนสวรรค์แน่  แต่เธอก็ยังอยากจะได้ยินจากปากเกจิอาจารย์ว่า  หลวงพี่ของเธอไปเกิดที่ไหน เธอจึงไปเข้าคิวรอเพื่อจะสอบถามท่าน  คิวก่อนหน้าเธอเป็นญาติของคนขับรถแท็กซี่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป  หลวงปู่บอกว่า คนขับรถแท็กซี่ขึ้นสวรรค์ชั้นดุสิตไปแล้ว ญาติๆ พากันดีใจ ร้องสาธุๆ แล้วลากลับไป  คราวนี้ก็ถึงคิวของเธอ เธอจึงบอกชื่อหลวงพี่ของเธอ

หญิงสาว“หลวงพี่ที่ตายไปเนี่ย  ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วเจ้าคะ”
หลวงปู่     “ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ท่านไปดีแล้ว ท่านไปเกิดใหม่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแน่ะ”
          หญิงสาวได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกไม่พอใจและไม่เข้าใจว่าทำไมหลวงพี่ซึ่งบวชเป็นพระมาหลายปีจนเป็นพระผู้ใหญ่ ได้ไปเกิดแค่ในสวรรค์ชั้นแรก ขณะที่คนขับรถแท็กซี่ธรรมดาๆ กลับขึ้นสวรรค์ชั้นดุสิตซึ่งสูงกว่า

หญิงสาว“เอ๊ะ! เป็นไปไม่ได้ หลวงพี่เป็นพระผู้ใหญ่นะ ขนาดคนขับแท็กซี่ยังได้ไปตั้งชั้นดุสิตเล้ย”
หลวงปู่     “แต่ว่าค่าของคนน่ะอยู่ที่ผลของงานนะ”

หญิงสาว  “ไม่เข้าใจ  ท่านหมายความว่ายังไงเจ้าคะ”
หลวงปู่     “ขอพูดตรงๆ นะโยม พี่ชายของโยมน่ะ  บวชเป็นพระก็จริง  แถมยังเป็นเจ้าอาวาสด้วย  แต่ว่า...ท่าน                 เทศน์ทีไร  คนฟังนั่งหลับสัปหงกทุกที  เค้าก็เลยไม่ได้ฟังกัน  แล้วเวลาท่านเทศน์  ท่านชอบใช้ศัพท์บาลีเยอะทำให้เข้าใจยาก  คนฟังที่ไม่สัปหงกก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง พอท่านเทศน์จบ  คนฟังก็แค่ยกมือไหว้สาธุๆ เท่านั้นเอง  จึงได้ประโยชน์น้อย  ส่วนคนขับรถแท็กซี่น่ะ  เขารักษาศีลห้า  แล้วเขาก็ขับรถแย่มากๆ สวิงสวายสุดๆ จนผู้โดยสารทุกรายเกิดอาการหวาดเสียวกลัวตายไปตามๆ กัน  ต้องเจริญมรณานุสติไปตลอดทาง...ตายแน่ๆ... ตายแน่ๆ... บางคนถึงกับนั่งทบทวนชีวิตของตัวเองว่า  เรากำลังทำอะไรอยู่  เป็นบุญหรือเป็นบาป ถ้ารอดชีวิตไปได้ จะปรับปรุงแก้ไขชีวิตอย่างไรดี ซึ่งล้วนเป็นความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของผู้โดยสาร  ผลบุญจึงส่งให้เขาไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต”


          .....ญาติโยมที่ได้ฟังท่านอาจารย์เล่าพากันหัวเราะ  แล้วก็มีเสียงหนึ่งถามขึ้นว่า  “เรื่องที่ท่านอาจารย์เล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเจ้าคะ”  ท่านอาจารย์ยิ้มก่อนจะตอบว่า  “อาตมารับรองไม่ได้หรอก เพราะไม่ได้อยู่ในเหตการณ์ แต่ข้อคิดที่เราควรจะได้จากเรื่องนี้มีว่า จะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่ได้ขึ้น  แล้วจะขึ้นชั้นสูงหรือชั้นต่ำ  อยู่ที่การกระทำ ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง ...นั่นแหละเรื่องจริงที่อาตมารับรองได้”


(จาก หนังสือเรื่องท่านเล่า  โดย ศรีอรา อิสสระ)

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

แก่ไม่อยากแก่

เล่าเรื่องโดย ชยสาโร ภิกขุ





          เมื่อท่านอาจารย์เดินทางกลับจากอเมริกา  ท่านเล่าว่ามีโยมผู้หญิงฝรั่งสูงอายุคนหนึ่งแต่งหน้าแต่งตาจัดเต็มที่  ทำผมทรงสูงๆ นุ่งมินิสเกิ๊ตสั้นกุ๊ด ดูแล้วน่าสลดสังเวช  ท่านจึงว่าคนบางคนชอบสู้ในสิ่งที่มนุษย์เราสู้ไม่ได้  ทำให้เหนื่อยเปล่า เสียทั้งกำลังกายกำลังใจและกำลังทรัพย์ คนที่คิดว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการแก่ ข้าพเจ้าจะสู้เต็มที่เพื่อไม่ให้แก่”  และพยายามจะประกาศว่าฉันไม่แก่  ท่านว่าน่าสงสาร ยังไงๆ สุดท้ายเราก็ต้องแก่ จะเป็นแก่ที่ไม่ยอมรับว่าแก่ หรือแก่ที่ยอมรับว่าแก่ ก็ยังแก่อยู่วันยังค่ำ  ฉะนั้นทุกๆ เช้าท่านแนะให้ส่องกระจกแล้วบอกตัวเองว่า “เรามีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้”  และทุกๆ ครั้งที่เห็นผมหงอก ให้คิดว่า โอ้! พระพุทธเจ้าสอนจริงหนอๆ  ท่านว่าไม่ต้องไปย้อมให้เสียศักดิ์ศรีลูกศิษย์พระพุทธจ้าหรอก  จะได้เป็นเครื่องเตือนสติไม่ให้เราประมาท


(จาก หนังสือเรื่องท่านเล่า  โดย ศรีอรา อิสสระ)