เล่าเรื่องโดย ชยสาโร ภิกขุ
ท่านอาจารย์เล่าว่า เมื่อบวชใหม่ๆ ท่านยึดติดในตัวหลวงพ่อชามาก และหลวงพ่อก็ทราบเรื่องนี้ดี ที่ท่านตั้งอกตั้งใจเรียนรู้ภาษาไทยอย่างรวดเร็วก็เพราะอยากจะเป็นพระอุปัฏฐาก ท่านปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อ ถ้าพูดภาษาไทยไม่เป็นก็คงหมดสิทธิ์ ออกพรรษาปีนั้น หลวงพ่อไปพักผ่อนที่วัดอีกวัดหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำ ท่านอาจารย์ได้รับเลือกให้อยู่ในชุดอุปัฏฐากชุดแรก ท่านดีใจมากที่ได้ไปอุปัฏฐากหลวงพ่อที่วัดนั้น เพราะที่วัดป่าพงมีพระอุปัฏฐากเยอะนับสิบๆ รูป แต่ที่นี่มีเพียงสามสี่รูปเท่านั้น จึงได้อยู่กับหลวงพ่อตลอดเวลา ท่านมีความสุขเหลือเกิน นั่งถวายงานพัดบ้าง นวดเท้าท่านบ้าง ทำอะไรๆ ให้ท่านได้ทุกๆ อย่าง บางทีหลวงพ่อยื่นฟันปลอมให้ไปล้าง ท่านก็ภูมิใจมากที่ได้เป็นคนรับฟันปลอมหลวงพ่อมาล้าง ตอนเช้าท่านรีบขึ้นไปที่ห้องหลวงพ่อ อยากจะถึงกระโถนของท่านก่อนเพื่อน ในกระโถนมีทั้งน้ำปัสสาวะ น้ำหมาก น้ำอะไรต่อมิอะไร ท่านเล่าว่า ท่านภูมิใจมากที่ได้ของดีไปล้าง
บ่ายวันหนึ่งท่านเข้าไปที่ศาลา เห็นหลวงพ่อกำลังครองผ้าเตรียมจะเดินทาง ท่านคิดว่า "แย่แล้ว! ครูบาอาจารย์จะไปไหนแล้ว เราก็ยังไม่พร้อม ยังไม่ได้เตรียมบริขารเลย"
ท่านอาจารย์ "ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปเอาผ้าจีวร"
หลวงพ่อ "ไม่ต้อง! ช้อน อยู่ที่นี่แล้ว"
ท่านอาจารย์ "ฮะ? ผมพร้อมแล้วครับ ผมจะไปด้วยครับ"
หลวงพ่อ "ช้อนอยู่ที่นี่ อยู่ดูแลปู่ น."
ปู่ น. นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่ดุมาก ท่านเป็นหลวงตาที่แทบไม่เคยยิ้มเลย ท่านอาจารย์ได้เรียนรู้สำนวนไทยที่ว่า "เอาใจยาก" ก็ตอนนี้แหละ เวลาใครๆ พูดถึงพระองค์นี้ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ปู่ น. นี่เอาใจยาก" หลวงพ่อชาสั่งให้ท่านอาจารย์อยูดูแลหลวงปู่ น. แล้วหลวงพ่อก็จากไป
หน้าที่ที่ต้องอุปัฏฐากหลวงปู่ น. ก็เหมือนกับที่เคยทำถวายหลวงพ่อชา แต่ความรู้สึกมันช่างไม่เหมือนกันเสียเลย กระโถนก็มีน้ำปัสสาวะน้ำหมากเหมือนกัน แต่ทำไมน้ำปัสสาวะของหลวงพ่อชาน่ารัก น้ำปัสสาวะของหลวงปู่ น. นี่น่าเกลียด ท่านต้องกัดฟันอดทนเพราะเห็นว่าหลวงพ่อกำลังทอสอบ ท่านจึงตั้งใจทำแล้วก็ได้ความรู้มากมาย ตอนกลางคืนท่านต้องไปชงน้ำร้อนให้หลวงปู่แล้วเดินนวดเหยียบหลังให้ทุกคืน หลวงปู่จะเล่าอะไรๆ จากพระไตรปิฎกให้ท่านฟัง เคี้ยวหมากไปด้วยเล่าไปด้วย หลวงปู่พูดภาษาลาวซึ่งท่านฟังออกบ้างฟังไม่ออกบ้าง คืนหนึ่งหลวงปู่เล่าเรื่องพระรัฐบาลอย่างละเอียด ท่านได้ยินคำว่า รัฐบาลๆๆ หลายๆ ทีเข้า ก็คิดตำหนิหลวงปู่ในใจว่า ท่านประพฤติองค์ไม่เหมาะสมเลย เป็นพระแท้ๆ กลับมานอนพูดเรื่องการเมืองซึ่งเป็นเรื่องทางโลกทั้งคืน ท่านมาทราบภายหลังว่า ที่แท้หลวงปู่กำลังเล่าถึงประวัติของพระมหาสาวกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า ชื่อ พระรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ แม้จะฟังท่านพูดไม่ค่อยเข้าใจ ท่านอาจารย์ก็ตั้งใจอดทนฟังอย่างเต็มที่ แถมยังพูดจาเออออ "โด่ยๆ ขะน้อย" ไปเรื่อยๆ ทำให้หลวงปู่มีความสุขมาก หลวงปู่ท่านเหงาเพราะไม่ค่อยมีใครยอมอยู่กับท่าน นอกจากผู้ที่หลวงพ่อส่งไป และถึงหลวงพ่อจะส่งไป พระก็จะหนีไปภายในเวลาไม่กี่วัน เพราะใครๆ ก็ว่าหลวงปู่ น. องค์นี้เอาใจยากกก...มากกก... ท่านอาจารย์เล่าว่า ท่านก็มีมานะและอัตตาว่า "พระองค์อื่นๆ อยู่ไม่กี่วันก็หนี แต่เราจะไม่หนี" แล้วท่านก็ตั้งอกตั้งใจพยายามอุปัฏฐากหลวงปู่เต็มที่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หลวงปู่จึงรักท่านเหมือนลูกชาย ท่านอาจารย์เองก็ได้ทำประโยชน์แก่พระผู้ใหญ่
ท่านเล่าว่า วัดนั้นเงียบสงบดี ท่านท่องปาฏิโมกข์ขึ้นใจได้ที่นั่น ซึ่งสำหรับพระแล้ว ถ้าได้ "ปาฏิโมกข์" ที่ไหน ก็จะจดจำท่นั่นได้ตลอดชีวิต ท่านอยู่ที่วัดนั้นกับหลวงปู่ น. หลายเดือน จึงได้กลับไปอยู่วัดป่าพง ถ้าจิตใจของท่านฝืนและปรุงแต่งด้วยความไม่พอใจ ด้วยความคิดถึงหลวงพ่อชา และความไม่อยากอยู่ที่วัดนั้น มันจะเป็นการทรมานจิตใจไปเปล่าๆ เมื่อหลวงพ่อให้อยู่ที่นี่ ท่านก็ตั้งใจจะให้ได้กำไรจากการอยู่ที่นี่ ท่านต้องสร้างประโยชน์ให้ได้ ถ้ากายอยู่ที่นี่แต่ใจมัวไปคิดถึงที่อื่น มันย่อมเป็นการไม่ฉลาดโดยแท้
(จาก หนังสือเรื่องท่านเล่า โดย ศรีอรา อิสสระ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น