วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม ตอน 19




รู้โดยไม่บังคับ

แม่เล่าให้ฟังว่า บางครั้งไปบังคับลมหายใจให้มันเบา แต่ยิ่งไปบังคับมัน มันยิ่งหนัก ยิ่งอึดอัด จึงแค่ตามรู้ตามดูมัน มันจะเบาก็รู้ มันจะหนัก จะแรงก็รู้ แค่รู้ตามที่มันเป็น กายก็รู้สึกเบา ใจก็รู้สึกโปร่ง โล่งเบาสบาย กายใจดูมัน

กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว ว่องไวไปหมด เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแป๊บเดียว
แม่สังเกตเห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่จงใจไปบังคับมัน มันก็จะอึดอัดหรือฟุ้งมาก ยิ่งอยากยิ่งไม่ได้ ถ้าปล่อยมันตามธรรมชาติ ธรรมดา มันจะไม่ซัดส่ายมาก จิตจะตั้งมั่นมากขึ้น

บางครั้งรู้สึกว่า มันโปร่งโล่ง เบา สว่างกระจายไปทั่วโดยไร้ขอบเขต บางวันก็กลับคับแคบลง ไม่โปร่โล่ง
เบา เท่าวันก่อน รู้แต่เพียงว่าถ้ารู้สึกตัวโดยไม่หลงเผลอหรือหลงไปบังคับมันไว้ ใจมันจะเป็นกลางๆ แบบไม่มีความคิดเข้าไปแทรกแซง ดูมันอบอุ่นและมีความสุขแบบพูดไม่ถูก

ฟังแม่เล่า ดูสีหน้าสดชื่น  ปลื้มใจที่หญิงชราผู้สูงวัยกำลังส่งการบ้าน สิ่งที่ตนได้พบและรู้สึกถึงสภาวธรรมหรืออาการต่างๆ ที่ใจมันเข้าไปสัมผัสรับรู้ ออกมาเป็นคำพูด และแววตา อันบ่งบอกถึงความสุข

แม่ยกมือขึ้นสาธุ “ขอมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดไป” ผมบอกกับแม่ว่า “แม่ครับชีวิตเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เจอคำสอนของพระศาสดา ถ้าไม่ขวนขวายฝึกฝนตนก็นับว่าเสียชาติเกิด เพราะเกิดชาติหน้าไม่รู้ว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือไม่ หรือแม้ได้เกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ไม่รู้ว่าจะมีคำสอนของพระพุทธศาสนาหลงเหลืออยู่หรือไม่ อย่าได้ชะล่าใจเลย ฝึกฝนไว้ให้ได้สติปัญญาติดตัวไป  ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็จะได้ฝึกต่อ ถ้าได้เกิดเป็นเทวดา ก็ไปฝึกต่อบนสวรรค์ สำคัญตรงที่ว่า เราเตรียมเสบียงบุญ  เสบียงใจไว้เดินทางต่อไปในภพหน้า เพียงพอแล้วหรือยัง”

“แม่ครับ  นี่แหละครับ คือทรัพย์ภายใน ทรัพย์ที่โจรจี้ปล้นไปไม่ได้ ทรัพย์ภายนอก มันเป็นแค่สมบัติผลัดกันชม ตายไปแล้วก็เอาติดตัวไปไม่ได้ ต้องตกเป็นสมบัติของคนอื่นต่อไป”

แม่พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ขอบใจนะ ที่มาช่วยสอนแม่ทุกวัน แม่กลัวยุทธจะเบื่อเต็มที เพราะสอนแล้ว แม่ก็จำไม่ค่อยได้ ต้องพูดแล้วพูดอีก”

ไม่เบื่อหรอกครับ ถ้าแม่ยังไม่เบื่อฟัง และยังไม่เบื่อปฏิบัติ ผู้อื่นก็เป็นเพียงผู้ชี้บอกทางให้ ส่วนการฝึกการเดินทาง มันเป็นหน้าที่ของเราแท้ๆ ใครจะมาเดินแทนก็ไม่ได้ แม้เราหิวเราก็ต้องกินเอง มันจึงหายหิว จะให้ใครมากินแทนก็ไม่ได้จริงมั้ยครับ”

อาหารกายก็ต้องมี อาหารใจก็ต้องให้ ไม่เช่นนั้นชีวิตก็ไม่สมบูรณ์


(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ  เวชเจริญยิ่ง)

ไม่มีความคิดเห็น: