วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม ตอน 13



ลื่นล้ม

บ่ายวันหนึ่ง  อากาศค่อนข้างอบอ้าว  เมื่อก่อนแม่จะเดินไปไหนมาไหน แม่ต้องใช้ไม้เท้า  แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้ใช้ไม้เท้าแล้วครับ  ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าแม่ปฏิบัติธรรมแล้วเดินปร๋อ โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า
ไมใช่อย่างนั้นเลยครับ สังขารล่วงวัยไปไม่หยุดยั้ง จากใช้ไม้เท้าเปลี่ยนมาใช้ WALKER สี่ขา เพราะไม้เท้าพยุงร่างกายไว้ไม่ไหวแล้วครับ  แต่แม่ก็บอกว่า ดีเหมือนกัน  เวลาเดินไปรู้สึกมั่นคง และมีสติรู้ตัวได้ดีในขณะที่ค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

วันนี้เป็นวันหยุดปิดเทอมของหลานสาววัยห้าขวบ หลานนั่งเล่นของเล่นอยู่บนโซฟาขณะที่แม่ (อาม่าของหลาน) กำลังจะพยุงกายลุกขึ้นจากเตียงนอนโดยใช้เจ้าสี่ขา WALKER เป็นตัวช่วยพยุง แต่เผอิญกางเกง ขอบยางยืดมันหลวมจนเกือบจะหลุด อาม่าจึงเรียกหลานสาวที่กำลังสนุกอยู่กับของเล่นชิ้นใหม่ว่า

“น้องพีช ดึงกางเกงให้อาม่าหน่อย กางเกงมันจะหลุดแล้ว”
หลานสาวที่น่ารักมิรอช้า เมื่อสิ้นเสียงอาม่า ก็วิ่งอ้อมมาด้านหลังดึงหัวกางเกงยืดพรวดเดียวเข้าที่เลย แล้วจึงวิ่งกระโดดขึ้นบนโซฟาเพื่อไปเล่นของเล่นต่อ

ทันใดนั้นอาม่าเผลอสติเหลียวไปดูหลาน  กายที่ยืนอยู่ก็เลยเซเสียหลัก ขณะนั้นสติก็กลับมารู้สึกตัว เห็นกายค่อยๆ ล้มลงช้าๆ เห็นกายอยู่อีกส่วนหนึ่ง ใจกำลังรู้ว่ากายกำลังล้มอยู่อีกส่วนหนึ่ง  ใจเห็นกายกำลังล้มลง อย่างนุ่มนวล ศีรษะค่อยๆ คล้อยต่ำลง นอนราบกับพื้น โดยศีรษะไม่กระแทกสิ่งใด เพราะขณะนั้นมีสติ จึงไม่มีอาการตกใจใดๆ ปรากฏขึ้น

เจ้าหลานสาวตัวน้อยเห็นอาม่าล้มจึงรีบวิ่งเข้ามาหวังจะช่วยพยุง แต่ก็เห็นว่าเกินกำลังของตนจึงร้องเรียกตะโกนว่า “ซาโกว ซาโกว อาม่าล้ม”  ซาโกวคือลูกสาวคนที่สามที่อยู่คอยดูแลแม่  วิ่งลงมาจากบันไดชั้นบนอย่างเร่งรีบเพื่อช่วยพยุงร่างกายแม่ที่กำลังนอนราบกับพื้นห้อง แม่บอกลูกสาวว่า “ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ไม่เป็นอะไร”

อานิสงส์ของการเจริญสติ เมื่อยามคับขัน สติที่เราฝึกกลับมารักษาดูแลกายใจไม่ให้ตื่นตระหนกตกใจจนเกินไปกับเหตุการณ์ยามฉุกเฉิน  จึงทำให้จิตไม่กระเจิงเผลอตกใจกลัวจนช๊อกหมดสติไป

อย่าดูถูกสติเพียงน้อยนิด ถ้าฝึกประจำสม่ำเสมอ ท่านจะพบเห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่เมื่อภัยมา  เมื่อพบเหตุคับขันจะได้ไม่เผลอขาดสติ  เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นก็ไม่ประมาท  เมื่อใดขาดสติเมื่อนั้นเราก็ยังประมาทอยู่ ท่านว่าจริงมั้ยครับ

(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ  เวชเจริญยิ่ง)

ไม่มีความคิดเห็น: