วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บุญไม่เกี่ยว เหนียวไว้ก่อน




          ตึ๋งหนืดเป็นคนขี้เหนียวมาก  ทั้งชาติยังไม่เคยให้ของใครเลย  เวลาใครเอาอะไรมาให้ก็มักพูดแซวว่า  แล้วเงินล่ะมีมั้ย  ออกเงินค่าอะไรให้ใครบ้างก็ไม่เคย  ออกแทนไปแล้วต้องทวงคืน  จนใครๆ ในบริษัทตั้งให้เป็นนายกสมาคมขี้เหนียวแห่งชาติ

          ความขึ้เหนียวนี่ก็บดบังสายตา  เวลาเห็นใครทำบุญอุทิศให้พ่อแม่  ก็จะคิดในใจว่า  พระกินข้าวไปหมดแล้ว  จะไปถึงพ่อแม่ได้ไง  คิดแล้วรู้สึกว่าตัวเองฉลาดไม่ถูกหลอก  ตึ๋งหนืดไม่รู้ว่าการถวายข้าวพระ  พระฉันแล้ว  จึงมีชีวิตผ่านวันนั้นไป  ได้มีโอกาศปฏิบัติธรรมหรือเผยแผ่ศาสนาต่อไป  นั่นคือบุญ  และเป็นบุญที่จะเกิดแก่ตึ๋งหนืด  และบุญนั้นแหละที่จะอุทิศให้พ่อแม่  พ่อแม่ต้องรอกินข้าวปีละจานของตึ้งหนืดซะที่ไหน  และจะกินได้อย่างไร  ให้หายวับไปอย่างการ์ตูนหรือ  ตึ๋งหนืดไม่รู้  ขี้เกียจคิด  รำคาญ

          เวลาตึ๋งหนืดเห็นตวงบุญหอบของไปบริจาค  ตึ๋งหนืดจะเสียดายแทน  และคิดไม่ตกว่าเหตุใดจะต้องเอาไปบริจาค  ทีคนอื่นไม่เห็นมาบริจาคให้เราบ้างเลยทำนองนั้น

          ตึ้งหนืดเห็นว่าการบริจาคมีแต่การให้ออกไป  มีแต่เสียของไปไม่ได้อะไรคืนมา  ตวงบุญบอกว่า  เราจะได้บุญคืนมาเก็บไว้  ท่านเรียกว่าเป็นอริยทรัพย์  เป็นทรัพย์ที่ดีกว่าที่ตึ๋งหนืดมี  เพราะอันนี้ตายแล้วเอาไปไม่ได้  ตึ๋งหนืดควรบริจาคเสียบ้าง  ชาติหน้าตึ๋งหนืดจะต้องใช้อริยทรัพย์นี่มากเลย  ด้วยจะต้องไปเกิดเป็นยาจกแน่ๆ  จากผลของความเป็นคนขี้เหนียวในชาตินี้

          วันหนึ่งตวงบุญเล่านิทานให้ฟังว่า  มีชาย 2 คน  ตอนจะมาเกิด  เทวดาให้เลือกว่าจะเป็นผู้รับหรือผู้ให้  คนแรกขอเป็นผู้รับได้ไปเกิดเป็นขอทาน  ส่วนคนที่สองขอเป็นผู้ให้  ได้ไปเกิดเป็นเศรษฐีเพราะการจะให้ได้แสดงว่าต้องมี  ตวงบุญหวังว่าเล่าแล้วตึ๋งหนืดอาจจะอยากเป็นเศรษฐี  จะได้เริ่มบริจาค

          ตึ๋งหนืดถือว่าตัวไม่เกี่ยวกับนิทานเรื่องนี้  เพราะแม้จะไม่ให้ใคร  แต่ก็ไม่เคยรับของใคร  เท่ออก

          ตวงบุญหัวเราะ  "ไม่รับจริงหรือ  เราทุกคนอยู่ในโลกนี้ต้องรับและเป็นหนี้อะไรหลายอย่าง  พ่อแม่เลี้ยงเรามา  เราก็รับแล้ว  เราทำงานให้บริษัท  บริษัทก็รับแล้ว  คือมันต้องทั้งรับและให้ซึ่งกันและกันไปทั้งนั้น  ครูต้องสอนนักเรียนถึงได้เรียน  หรือแม้แต่สายลม  แสงแดด  เราก็รับเอามา  เราเป็นหนี้ธรรมชาติด้วย  เกิดมาอยู่กินบนแผ่นดินนี้  ก็ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วย"

          "แล้วคนที่เธอไปบริจาค  เขาทำอะไรให้เธอ"  ตึ๋งหนืดยังมืดมน

          "พระสอนให้เราเมตตา  สอนการให้ทาน  เราควรช่วยเหลือกันและกันในสังคม  ถ้าทุกคนเห็นแก่ตัวหมด  คนลำบากมากๆ อาจต้องไปจี้ปล้น  การช่วยเหลือกันทำให้สังคมมีความสุข  เวลาเราเดือดร้อน  เรายังอยากให้มีคนมาช่วยเหลือเราบ้างเลย  พอมีใครมาช่วยเหลือ  เราก็ดีใจประทับใจไปนาน"

          ตึ๋งหนืดยังเฉยๆ มองภาพห่วงโซ่สังคมไปไกลๆ ไม่เห็นสายตามันมั้น  แต่วันนี้ตวงบุญมาขอบริจาค  "อะไรก็ได้"  เป็นครั้งที่สิบแล้วมั้ง  ชักอายขึ้นมานิดๆ ถึงจะขี้เหนียวแต่ก็ยังอายเป็น

          ตวงบุญอยากให้ตึ๋งหนืดรู้จักการให้  จึงมาเอ่ยชวนบ่อยๆ หวังผลเพียงว่า  วันหนึ่งตึ๋งหนืดจะสว่างในธรรม  แม้เพียงเท่าเทียนไขแท่งจิ๋วก็ยังดี  เธอรู้ว่าจะต้องเริ่มทีละจิ๋วๆ  ของจิ๋วๆ ก่อน  ถ้าบุญพอมี อีกหน่อยตึ๋งหนืดจะคลายความขี้เหนียวลงได้เอง  แม้ว่าอาจจะเป็นชาติหน้า

          "ขอเสื้อที่ตึ๋งหนืดไม่ชอบมากๆ  ไม่เคยใส่เลยมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี  ที่เก็บไว้ก้นตู้น่ะ  ขอตัวเดียว"

          เพื่อไม่ให้เสียหน้ามากไป  ตึ๋งหนืดจึงให้รางวัลความพยายามของตวงบุญด้วยการพยักหน้า  แล้วบอกว่า

          "ความนี้ฉันขอทำบุญกับเธอด้วยการอนุโมทนาบุญก่อนละกัน  คราวหน้าจะให้"  ตึ๋งหนืดกัดฟัน  "เสื้อ 1 ตัว"




(จาก หนังสือช้อปปิ้งบุญ  โดย ขวัญ เพียงหทัย)

ไม่มีความคิดเห็น: