เช้าวันนี้ อากาศค่อนข้างดี เย็นสบายมีลมโชยอ่อนๆ พัดผ่านกิ่งใบยอดอ่อนของดอกเฟื่องฟ้าหน้าบ้าน แม่นั่งอมยิ้มเพื่อรอตักบาตร
ผมถามแม่ว่า “วันนี้ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรบ้างครับ”
แม่ตอบว่า “รู้สึกดีใจ แต่เห็นธีรยุทธบอกว่า ไม่ให้ดีใจก็เลยพยายามไม่ดีใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ดีใจก็ให้รู้ว่าดีใจ เพียงแค่รู้ว่า
อาการดีใจมันปรากฏขึ้นที่ใจ
ขณะนั้นแม่ก็มีสติมาระลึกรู้ที่ใจได้แล้ว อะไรทำให้แม่ดีใจละครับ”
ผมเอ่ยถาม...ด้วยความสนใจ
“เมื่อเช้านี้ แม่ตื่นประมาณตีสี่ ก็นั่งดูลมหายใจ ดูร่างกายมันหายใจ
บางทีมันก็หายใจแรง บางทีมันก็หายใจออกแรง
บางทีมันก็เบา บางทีมันก็หนัก บางทีมันก็หนีไปคิด พอรู้ว่ามันคิด
มันก็กลับมารู้สึกการหายใจ บางครั้งมันก็รู้สึกเฉยๆ บางครั้งมันก็ฟุ้ง แต่สังเกตุว่ามันฟุ้งบ่อยจังเลย”
“แม่ฟุ้งบ่อย แล้วรู้สึกยังไงครับ”
“รู้สึกไม่ชอบ อยากให้มันสงบ ไม่อยากให้มันฟุ้ง”
“แล้วมันเชื่อแม่มั้ย”
“ไม่เชื่อ ยิ่งทำให้มันสงบ ยิ่งบังคับมัน
มันยิ่งฟุ้งใหญ่เลย แม่เลยปล่อยมัน ตามรู้ตามดูมันอย่างที่เธอบอก”
“ดีแล้วครับ แล้วต่อจากนั้นมันมีอาการอะไรอีกบ้างมั้ยครับ”
“มี แต่พอจิตมันสงบลง ปรากฏว่ากายมันเบา ใจมันเบา ใจมันมีความสุข
ใจมันโล่งๆ โปร่งๆ สว่างๆ แผ่ออกไปกว้างๆ
แม่ไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
แม่รู้สึกดีใจมาก แต่นึกขึ้นได้ว่า
เธอบอกว่าอย่าดีใจ ก็เลยบังคับไม่ให้มันดีใจมาก”
“แม่ฝึกได้ดี
มีสติตามรู้กายรู้ใจได้มากขึ้นแล้วครับ เพียงแต่ว่ามันดีใจ แค่รู้ว่ามันมีความรู้สึกดีใจ ไม่ต้องไปห้ามไปบังคับมัน
ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบอิสระ แล้วเราก็แค่ตามรู้ตามดูมันไป
แม่จะสังเกตเห็นได้ว่าความฟุ้งเราก็ไม่ได้เชิญมันมา มันมาของมันเอง
ความสุขความสงบเราก็ไม่ได้เชิญมันมา มันก็มาของมันเอง สุดท้าย
ทั้งฟุ้งทั้งสุขสงบมันก็อยู่ไม่นานแล้วมันก็เปลี่ยนไป
จึงเห็นว่าเราบังคับอะไรมันไม่ได้เลย ความฟุ้งเราไม่ชอบจึงอยากขับไล่ไสส่งมัน
มันก็ไม่ไป ยิ่งบังคับก็ยิ่งฟุ้ง
ความสุขสงบเราชอบจะรักษาให้มันอยู่กับเรานานๆ ก็ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปตามเหตุตามปัจจัยบังคับอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”
แม่พยักหน้ารับทราบและยอมรับความจริงว่า “ใช่ ใช่
บังคับไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าแม่ค่อยๆ สังเกตมันไปโดยไม่เข้าไปบังคับจัดแจงแก้ไขมัน
แม่จะเห็นว่าความดีใจเดี๋ยวมันก็คลายตัวลงหรือหมดไปเองโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรมันเลย
เพราะมันไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ต้องดับ”
“ต่อไปแม่อย่าไปบังคับมันนะครับ ให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยอิสระ แล้วแค่ตามความรู้ตามดูมันไป มันจะเป็นอย่างไร จะสุข ทุกข์ เฉยๆ เศร้า ซึม ดีใจ เสียใจ สงบ สว่าง สบาย
ก็แค่ดูมันไป แล้วมันจะแสดงธาตุแท้ของมันให้แม่เห็นว่า มันไม่เที่ยง มันทนอยู่นานๆ
ไม่ได้ เราบังคับมันไม่ได้”
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ... เดี๋ยวจะสายรถช่วงนี้ติดมาก พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ”
ดีใจเสียใจเป็นธรรมมะที่เกิดขึ้นกับใจ
เกิดแล้วก็ดับไปหากใครรู้ทันมันก็เท่านั้นเอง
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น