“ดีใจกับใจดี เหมือนกันมั้ยครับแม่”
“ไม่เหมือนกัน” แม่ตอบ
“ถูกต้องครับ บ่อยครั้งคนเราดีใจกับเรื่องที่ไม่ดีก็มีไม่น้อย
เช่นเล่นหวยรวยการพนันแล้วก็ดีใจ เห็นคนที่เราเกลียดขี้หน้าล่มจมก็ดีใจ เห็นศัตรูพ่ายแพ้เราก็ดีใจ
ส่วนใหญ่ก็มักหลงรัก หลงชอบ สิ่งที่ทำให้ตนเองพอใจแล้วก็ดีใจด้วยความสมใจ
หรือสะใจด้วยความโกรธเกลียดชัง
แต่นั่นไม่ใช่ใจดี ใจดีจะต้องเป็นผู้มีเมตตา
เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ มีความยุติธรรม มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่กลัวเสียเปรียบ
จิตใจจะสงบเย็นไม่กระเพื่อมไหวไปยินดียินร้ายในสิ่งที่กระทบสัมผัสทั้งดีและไม่ดี”
แม่พยักหน้าเห็นด้วย “จริง...จริง
มีครั้งหนึ่งแม่ทราบข่าวจากยุทธว่าน้องสาวยุทธจะแต่งงาน แม่เห็นความดีใจปรากฏขึ้น
จนรู้สึกว่ามันกระเพื่อมไหวอย่างแรงขึ้นมาที่กลางอก แต่พอมีสติรู้ตัว
อาการดีใจก็ค่อยๆ คลายตัวลง และอีกครั้งหนึ่งมีคนเคยทำให้แม่ไม่พอใจ
แม่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที อาการโกรธก็ดันขึ้นที่กลางอกจนจุกเจ็บอย่างรุนแรง
เห็นอาการใจที่สั่น อาการที่รุ่มร้อน อึดอัด จนรู้สึกได้อย่างชัดเจน
เมื่อมีสติรู้ทัน อาการนั้นก็ค่อยๆ หยุดลงเหมือนกัน”
แม่จึงเห็นประโยชน์ของสติที่ฝึกทุกวันอย่างมาก แม้ความโกรธ
ความโลภมิได้หมดไป แต่เมื่อมันเกิดขึ้นครั้งใด ก็ยังมีสติเข้าไปรู้ทัน
จึงทำให้ไม่ถลำ จมแช่กับอาการ หรืออารมณ์นั้นๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงต้องแบกทุกข์
อมทุกข์ไปอีกหลายวัน กว่ามันจะคลายตัว แต่ครั้นหวนคิดขึ้นมาอีก
มันก็พลันไม่พอใจขึ้นมาใหม่ได้เหมือนกัน
นี่แหละ...ความคิดมักทำให้เกิดทุกข์
เพราะมันมักเข้าไปปรุงแต่งให้ใจเสียความเป็นกลาง
“แม่รู้แล้ว แม่เห็นแล้วว่า
เมื่อเผลอสติไปหวนคิดอะไรในอดีตที่ผ่านมา
หรือแม้แต่คิดถึงเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง มันจะดึงแม่ให้เป็นทุกข์
ทุกข์ที่ใจกระเพื่อมเข้าไปยินดีหรือยินร้าย กับสิ่งที่กระทบสัมผัสนั่นเอง” แม่พูดออกมาจากการสังเกตุใจแม่จริงๆ
จงอยู่กับปัจจุบัน จงอยู่กับความจริง
จงอยู่กับความรู้สึกตัว แล้วเราจะไม่เข้าไปเป็นทุกข์ จงอย่าเพิ่งเชื่อ
แต่ควรพิสูจน์ดู แล้วท่านก็จะรู้ความจริงด้วยตัวท่านเอง
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น