ท่านอย่าเพิ่งแปลกใจนะครับว่าแม่ไปสอบที่ไหน เพราะแม่ไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่ที่แม่สอบแม่ไปสอบที่โรงพยาบาลวชิระและก็มิใช่ไปสอบเป็นพยาบาลด้วย
โดยปกติแม่จะไปหาหมอทุกสองเดือน
มีครั้งหนึ่งแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลวชิระ ปรากฏว่าวันนั้นคนไข้มากเหลือเกิน
มากจนไม่เกรงใจหมอ ยังกะนัดกันป่วยยังกะถูกหวย รวยทรัพย์ จึงนักกันเอาเงินมาให้หมอ
แม่ต้องนั่งรอคิวนายถึง 4 ช.ม. ถ้าเป็นเมื่อก่อนเพียงแค่เห็นคนเยอะแม่ก็เริ่มหงุดหงิดปวดเศียรเวียนเกล้าแล้ว
ต้องร้องขอยาพารา กินแก้ปวดไว้ก่อน แต่ครั้งนี้แปลก แม่นั่งเฉย
เฉยจนคนไข้ท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาและทักว่า “อาม่าไม่เบื่อหรือคะ เห็นนั่งรอตั้งหลายชั่วโมงแล้วไม่เห็นแสดงสีหน้าอาการหงุดหงิดออกมาเลย
ขนาดตัวหนูเองยังเบื่อและเซ็ง หงุดหงิดกับการรอคอยอันยาวนานนี้จังเลย
ถ้าเป็นแม่หนูแล้วละก็ ป่านนี้คงบ่นไม่หยุด คงผุดลุกผุดนั่ง
จนตัวเองต้องมันงงไปแล้วละคะ”
แม่ได้แต่อมยิ้ม เมื่อถึงคิวตัวเองเข้าไปพบหมอ
ใช้เวลาไม่นานหมอก็ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เข็นรถที่แม่นั่งไปยังรถพี่ชายที่จอดรออยู่
คนไข้ท่านนี้ยังเดินมาส่งถึงรถและบอกว่า “อาม่าดูสงบ ดูใจเย็นนะคะ
อยากให้แม่หนูเหมือนอาม่าจัง สวัสดีค่ะ” แล้วเธอก็เดินจากไป
พี่ชายก็งง ที่เห็นแม่ไม่ขอยาพาราเหมือนเมื่อก่อน ทั้งๆ
ที่คนพาไปยังอยากจะได้ยาพาราสักเม็ดสองเม็ดมากินแก้เซ็งที่รอนาน
พี่ชายโทรศัพท์กลับมาถามพี่สาวว่า แม่เป็นอะไรหรือเปล่า
พี่ชายบอกว่าเที่ยวนี้แม่ไม่หงุดหงิดเลย อีกทั้งไม่ขอยาพาราดังที่เคยด้วย
เห็นมั้ยครับ ไม่หงุดหงิด กลับกลายเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะปกติ
รอนานแบบนี้ต้องหงุดหงิด”
พอผมทราบเรื่องราวจากพี่สาวเล่าให้ฟัง จึงถามแม่ว่า
“ทำไมแม่ถึงไม่หงุดหงิดละครับและช่วงที่แม่รอหมอแม่ทำอะไร” แม่บอกว่า
“แรกๆ ก็นั่งเจริญสติรู้กายที่นั่งอยู่
แต่เดี๋ยวเดียวจิตมันก็ไปสนใจที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก เดี๋ยวเดียวมันก็แอบไปคิด
ก็เพียงรู้ตามที่มันเป็น พอรู้ว่าคิด ความคิดก็หยุดลง แล้วมันก็กลับมารู้ตัวเอง”
“เห็นมั้ยครับแม่ การที่เราเจริญสติ มันเหมือนมีงานให้ทำ
งานที่มีสติรู้กายรู้ใจ มันมีอะไรให้เรารู้ ให้เราดูเยอะแยะไปหมด
รู้อยู่กับกายใจเรานี้แหละ มันเลยไม่มีเวลาไปคิดหงุดหงิดเรื่องรอหมอนาน
เพราะมันมีงานทำจึงไม่ว่างไปคิด”
สอบผ่าน...ผมบอกว่า แม่สอบผ่านแล้ว
สอบผ่านที่แม่มีสติรู้ตัวอยู่กับกายกับใจ ใจมันเลยไปไม่ไหลออกนอกไปปรุงแต่งทำให้ทุกข์ร้อนใจ สิ่งภายนอกจะเป็นอย่างไร
สำคัญที่ใจที่ไม่เป็นทุกข์
นี่แหละครับ...เห็นมั้ย
อย่าดูถูกการฝึกสติ แม้วันละนิดในชีวิตประจำวันนะครับ มีสติวันละนิด
ยังดีกว่าคิดที่จะฝึกสติ น้ำหยดลงตุ่มวันละหยดทำให้น้ำเต็มตุ่มได้ฉันใด การมีสติวันละนิด
จิตก็มีสติรักษาใจไม่ให้หลงเข้าไปจนแช่ในความทุกข์ได้ฉันนั้น
พูดได้คำเดียวว่า “ชื่นใจและเคารพในพระธรรม” จริงๆ
เลยนะครับท่าน
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น