วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม ตอน 15



สอบผ่าน

ท่านอย่าเพิ่งแปลกใจนะครับว่าแม่ไปสอบที่ไหน เพราะแม่ไม่เคยเข้าโรงเรียน  แต่ที่แม่สอบแม่ไปสอบที่โรงพยาบาลวชิระและก็มิใช่ไปสอบเป็นพยาบาลด้วย

โดยปกติแม่จะไปหาหมอทุกสองเดือน มีครั้งหนึ่งแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลวชิระ ปรากฏว่าวันนั้นคนไข้มากเหลือเกิน มากจนไม่เกรงใจหมอ ยังกะนัดกันป่วยยังกะถูกหวย รวยทรัพย์ จึงนักกันเอาเงินมาให้หมอ

แม่ต้องนั่งรอคิวนายถึง 4 ช.ม. ถ้าเป็นเมื่อก่อนเพียงแค่เห็นคนเยอะแม่ก็เริ่มหงุดหงิดปวดเศียรเวียนเกล้าแล้ว ต้องร้องขอยาพารา กินแก้ปวดไว้ก่อน แต่ครั้งนี้แปลก แม่นั่งเฉย เฉยจนคนไข้ท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาและทักว่า “อาม่าไม่เบื่อหรือคะ เห็นนั่งรอตั้งหลายชั่วโมงแล้วไม่เห็นแสดงสีหน้าอาการหงุดหงิดออกมาเลย ขนาดตัวหนูเองยังเบื่อและเซ็ง หงุดหงิดกับการรอคอยอันยาวนานนี้จังเลย ถ้าเป็นแม่หนูแล้วละก็ ป่านนี้คงบ่นไม่หยุด คงผุดลุกผุดนั่ง จนตัวเองต้องมันงงไปแล้วละคะ”

แม่ได้แต่อมยิ้ม เมื่อถึงคิวตัวเองเข้าไปพบหมอ ใช้เวลาไม่นานหมอก็ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เข็นรถที่แม่นั่งไปยังรถพี่ชายที่จอดรออยู่ คนไข้ท่านนี้ยังเดินมาส่งถึงรถและบอกว่า “อาม่าดูสงบ ดูใจเย็นนะคะ อยากให้แม่หนูเหมือนอาม่าจัง สวัสดีค่ะ” แล้วเธอก็เดินจากไป

พี่ชายก็งง ที่เห็นแม่ไม่ขอยาพาราเหมือนเมื่อก่อน ทั้งๆ ที่คนพาไปยังอยากจะได้ยาพาราสักเม็ดสองเม็ดมากินแก้เซ็งที่รอนาน พี่ชายโทรศัพท์กลับมาถามพี่สาวว่า แม่เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ชายบอกว่าเที่ยวนี้แม่ไม่หงุดหงิดเลย อีกทั้งไม่ขอยาพาราดังที่เคยด้วย เห็นมั้ยครับ ไม่หงุดหงิด กลับกลายเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะปกติ รอนานแบบนี้ต้องหงุดหงิด

พอผมทราบเรื่องราวจากพี่สาวเล่าให้ฟัง จึงถามแม่ว่า
“ทำไมแม่ถึงไม่หงุดหงิดละครับและช่วงที่แม่รอหมอแม่ทำอะไร” แม่บอกว่า

“แรกๆ ก็นั่งเจริญสติรู้กายที่นั่งอยู่ แต่เดี๋ยวเดียวจิตมันก็ไปสนใจที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก เดี๋ยวเดียวมันก็แอบไปคิด ก็เพียงรู้ตามที่มันเป็น พอรู้ว่าคิด ความคิดก็หยุดลง แล้วมันก็กลับมารู้ตัวเอง”

“เห็นมั้ยครับแม่ การที่เราเจริญสติ มันเหมือนมีงานให้ทำ งานที่มีสติรู้กายรู้ใจ มันมีอะไรให้เรารู้ ให้เราดูเยอะแยะไปหมด รู้อยู่กับกายใจเรานี้แหละ มันเลยไม่มีเวลาไปคิดหงุดหงิดเรื่องรอหมอนาน เพราะมันมีงานทำจึงไม่ว่างไปคิด”

สอบผ่าน...ผมบอกว่า แม่สอบผ่านแล้ว สอบผ่านที่แม่มีสติรู้ตัวอยู่กับกายกับใจ ใจมันเลยไปไม่ไหลออกนอกไปปรุงแต่งทำให้ทุกข์ร้อนใจ  สิ่งภายนอกจะเป็นอย่างไร สำคัญที่ใจที่ไม่เป็นทุกข์

นี่แหละครับ...เห็นมั้ย  อย่าดูถูกการฝึกสติ แม้วันละนิดในชีวิตประจำวันนะครับ มีสติวันละนิด ยังดีกว่าคิดที่จะฝึกสติ  น้ำหยดลงตุ่มวันละหยดทำให้น้ำเต็มตุ่มได้ฉันใด  การมีสติวันละนิด จิตก็มีสติรักษาใจไม่ให้หลงเข้าไปจนแช่ในความทุกข์ได้ฉันนั้น

พูดได้คำเดียวว่า  “ชื่นใจและเคารพในพระธรรม” จริงๆ เลยนะครับท่าน

(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ  เวชเจริญยิ่ง)

ไม่มีความคิดเห็น: