วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

น้ำตาบารมี




          เคียงสรณ์  อ่านชาดกพระเจ้าสิบชาติ  ตอนพระเวชสันดร  แล้วหัวเราะหึๆ ยิ้มอย่างมีเลศนัยแกล้มอยู่แต็ม

          "ยกลูกยกเมียให้คนอื่น  ก็ไม่บาปสิยังเงี๊ยะ"

          "มันอยู่ที่เจตนา"  กลิ่นร่ำว่า  "อย่างนายน่ะ  พูดเสร็จก็บาปไม่เรียบร้อยล่ะ"

          "อ้าว  ไหงงั้น"

          "ก็นายเตรียมจะยกเมียให้คนอื่น  จะได้หาใหม่ใช่มั้ยล่ะ"

          "เกลียดคนรู้ทัน  หัดโง่ซะมั่งซีจะได้น่ารัก"

          กลิ่นร่ำยิ้ม  "ชั้นไม่ต้องเป็นเมียนาย  ชั้นฉลาดได้"  เคียงสรณ์ส่ายหัวดิก

         "กว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าต้องสะสมบารมีต่างๆ  หลายประเภทยากเย็นแสนเข็ญ  ไม่ใช่สนุกๆ อย่างที่นายคิด  พระเวชสันดรทำอย่างนั้น  มีเจตนาสร้างทานบารมี"

          "รู้แล้วจ๊ะ  แม่จ๋า"  เคียงสรณ์ออด แล้วว่า  "แต่เขาตีลูกต่อหน้าเลยนะ  ทนได้ไง"

          "การสร้างบารมีต้องใช้ความอดทนมาก  น้ำตาตกในเป็นน้ำตกเลย  ถ้าเป็นเราทนไม่ได้หรอก  ไม่เอาแล้วบารมี  ขอลูกก่อน"

          "เมียด้วย"  เคียงสรณ์ต่อทันที

          กลิ่นร่ำหัวเราะ  แล้วกลับมาเทศน์ต่อ

          "บารมีนี้ส่งให้พระพุทธเจ้าสามารถเดินจากพระนางพิมพากับราหุลได้  ทำให้ได้ไปเป็นพระพุทธเจ้า"

          "แล้วตอนไปไม่ใจร้ายใจดำไปหน่อยหรือจ๊ะ  แม่จ๋า"

          กลิ่นร่ำวางเฉย  "ต้องยอมแลกกัน  ท่านไปเพื่อประโยชน์ที่ใหญ่กว่า  ไปค้นหาเพื่อประโยชน์ของชาวโลกทั้งหลาย  ท่านต้องยอมสละคนทั้งสองไปก่อนในตอนแรก  แต่ตอนหลังทั้งพิมพาราหุล  ก็ได้เป็นอรหันต์ทั้งคู่เลย  เห็นมั้ย ดีออก"

          เคียงสรณ์พยักหน้าหงึกหงัก

          "เวลาอ่านอะไรแล้วหัดเทียบทางกุศลซะมั่งนะ"  กลิ่นร่ำว่า  "จะได้ฉุดตัวเองขึ้นมาบ้าง"

          เคียงสรณ์ยิ้มน้อยๆ ว่า

          "ผมเสียสละให้แม่ไปก่อนไงจ๊ะ  จะได้เป็นทานบารมี"

(จาก หนังสือช้อปปิ้งบุญ  โดย ขวัญ เพียงหทัย)

ไม่มีความคิดเห็น: