วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ : ประวัติ ตอน 1 ประวัติ




          ชีวประวัติและปฏิปทาคือ จริยรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ  ที่ท่านกำลังอ่านอยู่ขณะนี้  ผู้เขียน (ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน)  ได้พยายามเสาะแสวงหามารวบรวมตามกำลังความสามารถจากพระอาจารย์หลายท่านที่เคยเป็นศิษย์อยู่ศึกษาอบรมกับท่านมาเป็นยุคๆ จนถึงวาระสุดท้าย  แต่คไม่ถูกต้องแม่นยำตามประสงค์เท่าไรนัก  เพราะท่านที่จดจำมาและผู้รวบรวมคงไม่อาจรู้และจำได้ทุกประโยคและทุกกาลสถานที่ที่ท่านเที่ยวจาริกบำเพ็ญและแสดงให้ฟังในที่ต่างๆ กัน   ถ้าจะรอให้จำได้หมดทุกแง่ทุกกระทงถึงจะนำมาลงก็นับวันจะลบเลือนและหลงลืมไปหมด  คงไม่มีหวังได้นำมาลงให้ท่านผู้สนใจได้อ่าน  พอเป็นคติแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างแน่นอน

          ดังนั้น  แม้จะเป็นประวัติที่ไม่สมบูรณ์ทำนองล้มลุกคลุกคลาน  ก็ยังหวังว่าจะเกิดประโยชน์อยู่บ้าง
  การเขียนประวัติและจริยธรรมของท่านทั้งภายนอนที่แสดงออกทางกาย วาจา และภายในที่ท่านรู้เห็นเฉพาะใจแล้วแสดงให้ฟังนั้น  จะเขียนเป็นทำนอง เกจิอาจารย์ที่เขียนประวัติของพระสาวกทั้งหลาย  ดังที่ได้เห็นในตำรา  ซึ่งแสดงไว้ต่างๆ กันเพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้เห็นร่องรอยที่ธรรมแสดงผลแก่ท่านผู้สนใจปฏิบัติตามมาเป็นยุคๆ จนถึงสมัยปัจจุบัน  หากไม่สมควรประการใด  แม้จะเป็นความจริงดังที่ได้ยินได้ฟังมาจากท่าน  แต่ก็หวังว่าคงได้รับอภัยจากท่านผู้อ่านทั้งหลาย  เนื่องจากเจตนาที่มีต่อท่านผู้สนใจในธรรม  อาจได้คติข้อคิดบ้าง  จึงได้ตัดสินใจเขึยนทั้งที่ไม่สะดวงใจนัก

          ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ  เป็นอาจารย์ทางวิปัสสนา  ซึ่งควรได้รับยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่งจากบรรดาศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิดท่าน  ว่าเป็นอาจารย์วิปัสสนาชั้นเยี่ยมในสมัยปัจจุบัน  จากเนื้อธรรมที่ท่านแสดงออกซึ่งเป็นธรรมชั้นสูง  ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดได้มีโอกาสฟังอย่างถึงใจตลอดมา  ทำให้ปราศจากความสงสัยในองค์ท่านว่า  สมควรตั้งอยู่ในภูมิธรรมขั้นใด  ท่านมีคนเคารพนับถือมาก  ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ในภาคต่างๆ เกือบทั่วประเทศไทย  นอกจากนั้น  ท่านยังมีสานุศิษย์ทั้งนักบวชและฆราวาสในประเทศลาวอีกมากมายที่เคารพเลื่อมใสในท่านอย่างถึงใจตลอดมา  ท่านมีประวัติงดงามมากทั้งเวลาเป็นคฤหัสถ์และเวลาทรงเพศเป็นนักบวช  ตลอดอวสานสุดท้าย  ไม่มีความด่างพร้อยเลย  ซึ่งเป็นประวัติที่หาได้ยากในสมัยปัจจุบัน  ความเป็นผู้มีประวัติอันงดงาม  ตลอดสายนี้รู้สึกจะหายากยิ่งกว่าหาเพชรหาพลอยเป็นไหนๆ

          ท่านกำเนิดในสกุลแก่นแก้ว  โดยนายคำด้วงเป็นบิดา  นางจันทร์เป็นมารดา  นับถึอพระพุทธศาสนาประจำสกุลตลอดมา  เกิดวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๓   ที่บ้านคำบง  ตำบลโขงเจียม  จังหวัดอุบลราชธานี  มีพี่น้องร่วมท้องกัน ๙ คน  แต่เวลาท่านมรณภาพปรากฎว่า  ยังเหลือเพียง ๒ คน  ท่านเป็นคนหัวปี  มีรูปร่างเล็ก ผิวขาวแดง  มีความเข้มแข็งว่องไวประจำนิสัย  มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาแต่เล็ก พออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ในสำนักวัดบ้านคำบง  มีความสนใจและรักชอบในการศึกษาธรรมะ  เรียนสูตรต่างๆ ในสำนักอาจารย์ได้อย่างรวดเร็ว  มีความประพฤติและอัธยาศัยเรียบร้อย  ไม่เป็นที่หนักใจหมู่คณะและครูอาจารย์ที่ให้ความอนุเคราะห์

          เมื่อบวชได้ ๒ ปี  ท่านจำต้องสึกออกไปตามคำขอร้องของบิดาที่มีความจำเป็นต่อท่าน  แม้สึกออกไปแล้ว  ท่านก็ยังมีความมั่นใจที่จะบวชอีก  เพราะมีความรักในเพศนักบวชมาประจำนิสัย  เวลาสึกออกไปเป็นฆราวาสแล้ว  ใจท่านยังประหวัดถึงเพศ นักบวช  มิได้หลงลืมและจืดจาง  ทั้งยังปักใจว่าจะกลับมาบวชอีกในไม่ช้า  ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะอำนาจศรัทธาที่มีกำลังแรงกล้าประจำนิสัยมาดั้งเดิมก็เป็นได้

          พออายุได้ ๒๒ ปี ท่านมีศรัทธาอยากบวชเป็นกำลังจึงได้ลาบิดามารดา  ท่านทั้งสองก็อนุญาตตามใจไม่ขัดศรัทธา  เพราะมีความประสงค์จะให้ลูกของตนบวชอยู่แล้ว  พร้อมทั้งมีศรัทธาจัดแจงบริขารในการบวชให้ลูกอย่างสมบูรณ์  ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดศรีทองในตัวเมืองอุบล  มีท่านพระอริยกวีเป็นพระอุปัชฌาย์  ท่านพระครูสีทาเป็นพระกรรมวาจาจารย์  ท่านพระครูประจักษ์อุบลคุณเป็นพระ  อนุศาสนาจารย์เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖   พระอุปัชฌายะให้นามฉายาว่า  ภูมิทัตโต  เมื่ออุปสมบทแล้วได้มาอยู่ในสำนักวิปัสสนากับท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล  วัดเลียบ เมืองอุบล


(จากหนังสือ ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ  โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน)




ไม่มีความคิดเห็น: