วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม ตอน 2



 อารัมภบท

          หญิงชราวัย 85 ปีท่านหนึ่ง บ่นรำพึงถึงชีวิตตนเอง ชีวิตนี้เราเกิดมาอาภัพนัก  ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เหมือนคนอื่นเขา  เห็นเด็กไปโรงเรียนก็ดีใจ  เห็นใครอ่านออกเขียนได้ก็ชื่นชม  แต่ก็ตรอมตรมที่ตนอ่านไม่ออกเขียนไม่เป็น  เฝ้าคิดว่าตนเกิดมานั้นมันบุญน้อยนัก ชาติก่อนคงทำบุญมาไม่มาก  จึงต้องลำบาก  ขาดโอกาสในการศึกษา  หากแม้ใครเชิญชวนให้ทำบุญสร้างโรงเรียน  ท่านจะเร่งรีบทำโดยไม่รีรอ  เพียงเพื่อขอให้เกิดมาในชาติหน้า  บุญที่ได้ทำมา  จงได้หนุนนำทำให้ตนได้มีโอกาสเล่าเรียนศึกษากับเขาบ้าง

          ท่านเป็นคนใจดี  โอบอ้อมอารี  มีใจเมตตา  รูปร่างขาวท้วม  ไม่สูงไม่ต่ำ  เป็นคนน่ารัก  ขี้เกรงอกเกรงใจ  ไม่เอาเปรียบใคร  ชอบทำบัญทำทาน  อยากจะฟังธรรมแต่ก็ฟังไม่เข้าใจ  อยากปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร  ท่านผู้นี้มิใช่คนอื่นไกลที่ไหนเลย ทานเป็น แม่ยายของผมเอง

          หนังสือเล่มนี้ เป็นการบันทึกเรื่องราวเล่าเรื่อง  การสอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม  จึงเป็นเรื่องเล่าเบาๆ ไม่เครียด  จบเป็นตอนๆ  ไม่สั้นไม่ยาว  พอไม่ให้ง่วงเหงาหาวนอน และแล้วแม่ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างไม่อายใคร เพราะใจศรัทธามาเต็มร้อย  ชีวิตที่ผ่านโลกมามาก เจอทั้งสิ่งที่รักที่ชัง เจอะทั้งสิ่งที่พลัดที่พราก ที่จากกัน  จึงอยากหาที่พึ่งที่แท้จริงให้กับชีวิตและเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต

          ธรรมะของพระพุทธองค์ แท้จีริง มิได้ยากจนกินความสามารถของมนุษย์ที่สมควรฝึกได้  แต่ที่ยากเพราะเราไม่เข้าใจ  ที่ไม่เข้าใจ  ก็เพราะไม่ใส่ใจเข้าศึกษา  การศึกษาก็มิใช่ต้องไปเข้าห้องนั่งเรียน  ตามที่ท่านจัดหลักสูตรไว้สอนกันอย่างมันก็ดี  และมีประโยชน์มิใช่น้อย  แต่ในการศึกษาที่แท้จริงต้องเป็นการศึกษาจากกายจากใจเรานี้เอง  นั่นแหละ...จึงจะใช่  ของแท้ของจริง

          การศึกษาในเบื้องต้น  ต้องฟังให้เข้าใจ  ต่อไปต้องพิจารณาใคร่ครวญในสิ่งที่ได้เรียนได้ฟังมาด้วยเหตุผล  สุดท้ายต้องลงมือศึกษาเรียนรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในกายในใจเรานี้  ท่านเรียกว่า ภาวนา  หรือการปฏิบัติธรรม และสิ่งที่สำคัญ  ต้องมีความจริงใจในการปฏิบัติแบบประจำสม่ำเสมอทุกวัน  มิใช่นานๆ วันค่อยปฏิบัติ

          อย่าเอาแต่มีความจริงจัง คือเห็นว่าสิ่งนี้ดีมีประโยชน์แล้วก็เร่งปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง วูปเดียวก็แฟบดับ ขอให้มีความจริงใจในการฝึกตน จงมีสติฝึก รู้กาย รู้ใจ ทุกวันและในระหว่างวันอย่าได้ขาด  ผลที่ท่านจะได้  จะเป็นอะไรอย่างไรก็ตาม ขอเพียงท่านรู้ตามที่มันเป็น โดยไม่คาดหวังใดๆ ทั้งสิ้น  ท่านก็จะพบกับความเปลี่ยนแปลงแบบไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน สุจธรรมท้งหลายจะเกิดขึ้นให้ท่านได้รู้เห็นเองในวันหนึ่ง

          คุณแม่ท่านนี้ได้ฝึกตนแล้ว บัดนี้ถึงแม้ท่านจะยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลขั้นใดๆ เลยก็ตาม แต่ความทุกข์ก็ได้ลดน้อย เบาบางลงมิใช่น้อย

          ท่านล่ะครับ  อาจเป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาหรือมีโอกาสได้รับการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมามากกว่าคุณแม่ผู้สูงวัยท่านนี้ก็ได้

          ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ  ที่เราจหวนกลับมารู้จักตัวเองแลให้เวลากับตัวเอง  เรียนรู้และเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตตัวเราเองให้มากขึ้นกว่านี้

          ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาส เพียงแต่ขอให้ท่านจริงใจต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และหมั่นฝึกฝนตนอย่างสม่ำเสมอ วันหนึ่งผลจะปรากฏขึ้นกับตัวท่านเอง จงอย่าดูถูกตัวเอง  จงให้โอกาสตัวเอง  แล้วโอกาสทองก็จะเป็นของท่านในวันหนึ่ง


ขอเป็นกำลังและอนุโมทนาล่วงหน้านะครับ

ธีรยุทธ  เวชเจริญยิ่ง

(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ  เวชเจริญยิ่ง)

ไม่มีความคิดเห็น: