อารัมภบท
หญิงชราวัย
85 ปีท่านหนึ่ง บ่นรำพึงถึงชีวิตตนเอง ชีวิตนี้เราเกิดมาอาภัพนัก ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ
เหมือนคนอื่นเขา
เห็นเด็กไปโรงเรียนก็ดีใจ
เห็นใครอ่านออกเขียนได้ก็ชื่นชม
แต่ก็ตรอมตรมที่ตนอ่านไม่ออกเขียนไม่เป็น
เฝ้าคิดว่าตนเกิดมานั้นมันบุญน้อยนัก ชาติก่อนคงทำบุญมาไม่มาก จึงต้องลำบาก
ขาดโอกาสในการศึกษา หากแม้ใครเชิญชวนให้ทำบุญสร้างโรงเรียน ท่านจะเร่งรีบทำโดยไม่รีรอ เพียงเพื่อขอให้เกิดมาในชาติหน้า บุญที่ได้ทำมา
จงได้หนุนนำทำให้ตนได้มีโอกาสเล่าเรียนศึกษากับเขาบ้าง
ท่านเป็นคนใจดี โอบอ้อมอารี
มีใจเมตตา รูปร่างขาวท้วม ไม่สูงไม่ต่ำ
เป็นคนน่ารัก ขี้เกรงอกเกรงใจ ไม่เอาเปรียบใคร ชอบทำบัญทำทาน
อยากจะฟังธรรมแต่ก็ฟังไม่เข้าใจ
อยากปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร
ท่านผู้นี้มิใช่คนอื่นไกลที่ไหนเลย ทานเป็น แม่ยายของผมเอง
หนังสือเล่มนี้
เป็นการบันทึกเรื่องราวเล่าเรื่อง การสอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นเรื่องเล่าเบาๆ ไม่เครียด จบเป็นตอนๆ
ไม่สั้นไม่ยาว
พอไม่ให้ง่วงเหงาหาวนอน และแล้วแม่ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างไม่อายใคร
เพราะใจศรัทธามาเต็มร้อย
ชีวิตที่ผ่านโลกมามาก เจอทั้งสิ่งที่รักที่ชัง เจอะทั้งสิ่งที่พลัดที่พราก
ที่จากกัน
จึงอยากหาที่พึ่งที่แท้จริงให้กับชีวิตและเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต
ธรรมะของพระพุทธองค์
แท้จีริง มิได้ยากจนกินความสามารถของมนุษย์ที่สมควรฝึกได้ แต่ที่ยากเพราะเราไม่เข้าใจ ที่ไม่เข้าใจ
ก็เพราะไม่ใส่ใจเข้าศึกษา
การศึกษาก็มิใช่ต้องไปเข้าห้องนั่งเรียน
ตามที่ท่านจัดหลักสูตรไว้สอนกันอย่างมันก็ดี และมีประโยชน์มิใช่น้อย
แต่ในการศึกษาที่แท้จริงต้องเป็นการศึกษาจากกายจากใจเรานี้เอง นั่นแหละ...จึงจะใช่ ของแท้ของจริง
การศึกษาในเบื้องต้น ต้องฟังให้เข้าใจ
ต่อไปต้องพิจารณาใคร่ครวญในสิ่งที่ได้เรียนได้ฟังมาด้วยเหตุผล สุดท้ายต้องลงมือศึกษาเรียนรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในกายในใจเรานี้ ท่านเรียกว่า ภาวนา หรือการปฏิบัติธรรม และสิ่งที่สำคัญ ต้องมีความจริงใจในการปฏิบัติแบบประจำสม่ำเสมอทุกวัน มิใช่นานๆ วันค่อยปฏิบัติ
อย่าเอาแต่มีความจริงจัง
คือเห็นว่าสิ่งนี้ดีมีประโยชน์แล้วก็เร่งปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง วูปเดียวก็แฟบดับ
ขอให้มีความจริงใจในการฝึกตน จงมีสติฝึก รู้กาย รู้ใจ
ทุกวันและในระหว่างวันอย่าได้ขาด ผลที่ท่านจะได้
จะเป็นอะไรอย่างไรก็ตาม ขอเพียงท่านรู้ตามที่มันเป็น โดยไม่คาดหวังใดๆ
ทั้งสิ้น
ท่านก็จะพบกับความเปลี่ยนแปลงแบบไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน สุจธรรมท้งหลายจะเกิดขึ้นให้ท่านได้รู้เห็นเองในวันหนึ่ง
คุณแม่ท่านนี้ได้ฝึกตนแล้ว
บัดนี้ถึงแม้ท่านจะยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลขั้นใดๆ เลยก็ตาม
แต่ความทุกข์ก็ได้ลดน้อย เบาบางลงมิใช่น้อย
ท่านล่ะครับ
อาจเป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาหรือมีโอกาสได้รับการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมามากกว่าคุณแม่ผู้สูงวัยท่านนี้ก็ได้
ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ
ที่เราจหวนกลับมารู้จักตัวเองแลให้เวลากับตัวเอง
เรียนรู้และเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตตัวเราเองให้มากขึ้นกว่านี้
ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาส
เพียงแต่ขอให้ท่านจริงใจต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
และหมั่นฝึกฝนตนอย่างสม่ำเสมอ วันหนึ่งผลจะปรากฏขึ้นกับตัวท่านเอง จงอย่าดูถูกตัวเอง จงให้โอกาสตัวเอง แล้วโอกาสทองก็จะเป็นของท่านในวันหนึ่ง
ขอเป็นกำลังและอนุโมทนาล่วงหน้านะครับ
ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง
(จากหนังสือ สอนแม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรม โดย ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น