วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สะดือพริตตี้




          ตอนเย็นกังไสจะต้องทำขาวงานเลี้ยงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กับชงชัย  รถติดเป็นแพตามปกติ  กังไสจึงหลับตานั่งสมาธิไปในรถ  เขาแตะความรู้สึกตัวลงอย่างแผ่วเบาที่ปลายจมูก  ดูลมหายใจเข้าลมหายใจออกที่ผ่านจุดนั้นอย่างเงียงๆ และผ่อนคลายโดยไม่ต้องบริกรรมคำใดๆ
          ผ่านไปครึ่งชั่วโมง  เขาจึงออกจากสมาธิ  ชงชัยยักคิ้วให้
          "เหนื่อยมากหรือไง  ขึ้นรถหลับเลย"
          "เปล่า  นั่งสมาธิ"
          "เหรอ  โอ๊ย  เรานั่งไม่ได้หรอก  มันคิดโน่นคิดนี่วุ่นไปหมดแหละ  พอหลับตาปุ๊บ  เรื่องแห่กันมาในหัวยังกะตลาดนัดเลย"
          "การเข้าสมาธิไม่ใช่จะต้องให้เงียบกริบ  ไม่ใช่  ความคิดเป็นเรื่องของธรรมชาติ  แต่ตอนนั่งสมาธิเราต้องไม่กระโจนลงไปคิดร่วมกับมันเท่านั้นเอง  ดูลมหายใจไป  พอมีความคิดเข้ามา  ก็รู้ตัวว่าคิดเท่านั้นแหละ  ความคิดมันก็จะหายไป  ก็กลับมาดูลมหายใจต่อ  ดูเบาๆ ดูเฉยๆ ไม่ต้องเครียด  เดี๋ยวมีความคิดเข้ามาอีก  ก็รู้ทันอีก  แค่นั้นเอง  นี่เป็นสมาธิเบื้องต้นง่าย  ทำเพื่อพักผ่อนเวลาเหนื่อยใจหรือเหรื่อยกาย  เหมือนการนอนหลับพักผ่อน  นี่ไม่หลับ  แต่สดชื่นกว่า"
          "เข้าวัดมานานยัง"  ชงชัยเปลี่ยนเรื่อง  กลัวโดนบอกให้ลองนั่งสมาธิ
          "สักปีหนึ่งแล้ว  แต่ไม่เคยเข้าวัดเลย  ไม่ว่าง  เราอ่านหนังสือหลวงพ่อชา  ท่านสอนว่าให้นั่งสมาธิเพื่อให้ใจมีกำลัง  แล้วก็คอยนึกถึงความไม่เที่ยงเอาไว้  เราเอาสองข้อแค่นี้แหละ  พอแล้วนอกนั้นก็ทั่วๆ ไป  มีแผ่เมตตาบ้าง  ให้ท่านบ้างตามสมควรไม่ต้องอะไรมาก"

          หลังจากลงทะเบียนนักข่าวแล้ว  ทั้งสองก็ได้รับแจกเสื้อสีขาว  ปักชื่อบริษัทรถยนต์เล็กๆ ที่หน้าอก  ชงชัยชอบมากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
          "เสื้อตัวนี้ออกแบบดี  ไม่เหมือนงานอื่นที่เคยได้  ชอบจัง"
          กังไสจึงยื่นของตนให้ไปสมทบ  ชงชัยขอบใจยกใหญ่  ถามว่าทำไมกังไสไม่เก็บไว้
          "การเห็นนายดีใจนี่  มีความสุขกว่าเก็บเสื้อไว้อีก"
          "สละโลกแล้วหรือ  ดี  มีอะไรจะสละละก้อ  เอามาให้เรานะ  เราจะช่วยรับไว้เพื่อส่งเสริมให้นายบรรลุไง  ดีมั้ย"  กังไสหัวเราะ
          พิธีเปิดงานเริ่มแล้ว  ม่านเปิดออก  กลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งฟุ้งไปเต็มเวที  รถยนต์รุ่นใหม่สีทองเคลื่อนช้าๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มควันราวกับความฝัน  พริตตี้สาวสวยยืนอยู่ข้างๆ รถ  หล่อนสวมเสื้อเอวลอยกับมีนิสเกิร์ตเอวต่ำ  เผยให้เห็นสะดือบุ๋มเป็นลักยิ้มสวยอยู่บนผิวขาวเนียน  ชงชัยเป็นโรคแพ้สะดือ  ดังนั้น  เขาจึงตาลุกวาว  เขาสะกิดกังไสแอบร้องเบาๆ ว่า  โอ้โฮ โอ้โฮ
           "อดใจไว้เพื่อน  ไอ้หัวใจแบบที่กำลังตุ๊บตั๊บแรงเกินขึดของนายแบบนี้แหละ  ที่ทำให้เวียนว่ายตายเกิดไปชั่วนิรันดร์"
          "สองนิรันดร์ก็ยอมวะ"  ชงชัยว่า  ตายังกะพริบไม่ได้  มันแข็ง  "นายจะรีบนิพพานไปทำไมกัน  อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน"
          กังไสหัวเราะ  "เราทำแค่นี้  ไม่นิพพานหรอก  แค่ไม่ให้หลงไปมากก็พอ  ให้ชีวิตสงบเท่านั้น"
          "สงบยังไง  นายไม่เห็นสะดือนั่นหรือไง  สวยเป็นบ้าเห็นมั้ย  เห็นมั้ย"
          ชงชัยเริ่มจะน้ำลายไหล  กังไสทำเสียงขรึมเมื่อเห็นชงชัยอาการสาหัส  ดังนั้น  เขาจึงจงใจเปลี่ยนอารมณ์
          "เห็นแล้ว  นายว่าเลยสะดือเข้าไปลำไส้จะยาวเท่าไหร่  รูปร่างเล็กอย่างนี้  เราว่าสัก 3 เมตรได้  หรือนนายว่าไง"
          "ไอ้บ้า  เสียมู้ดหมด  ยังไงหล่อนก็สวยล่ะ"  ชงชัยแอนตี้ทันที
          "มันไม่เที่ยงหรอก  ไฟส่องอย่างนี้มันก็สวย  พรุ่งนี้เช้าตอนยังไม่แปรงฟัน  ก็ไม่สวยเท่านี้  แล้วยังไงหล่อนก็ไม่เที่ยงต้องกลายเป็นยายแก่หนังเหี่ยว  มีรอยย่นเหมือนผิวช้าง"  กังไสหัวเราะ
          "นายมองอะไรน่าเกลียดไปหมดแล้วจะมีชีวิตอยู่ยังไง"
          "ไม่ใช่อย่างนั้น  เพียงแค่ให้เห็นความจริงของชีวิต  ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่ได้เป็นปกติ"
          ชงชัยหันมาบอกว่า  "นายยืนรอตรงนี้ก่อนนะ  เราจะไปถ่ายรูปตรงโน้น  เดี๋ยวมา"



(จาก หนังสือช้อปปิ้งบุญ  โดย ขวัญ เพียงหทัย)

ไม่มีความคิดเห็น: