วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน : ประวัติ ตอนที่ ๒๔ ปัญญาพิจารณาเพลินต้องพักในสมาธิ

เทศน์เมื่อ  ๒๕  ธันวาคม  ๒๕๔๖



          คือสังขารที่เป็นมรรค  เรามาพิจารณาเป็นด้านปัญญา  เมื่อเลยเถิดออกไปแล้ว  สังขารจะแทรกด้วยสมุทัย  นี่เราก็ไม่ลืม  ทีนี้เวลามันจะเป็นจะตายจริงๆ  ย้อนจิตเข้ามาสู่สมาธิ  สมาธิก็แน่วเลย  ทีนี้บังคับนะสมาธิ  ทำไมถึงบังคับ  เหมือนว่าไม่เคยมีสมาธิมาก่อนเลย  เพราะมันเพลินทางด้านปัญญามาก  ซึ่งมีผลมากกว่าสมาธิเป็นไหนๆ  เวลาย้อนเข้ามาสู่สมาธินี้  มันจะเพลินฟัดกับกิเลสตลอดไป  ด้วยอัตโนมัติของสติปัญญานั่นแหละ  จึงต้องได้หักห้ามกันอย่างหนัก

          สุดท้ายก็บริกรรมพุทโธเลย  ให้สติกับจิตนี้อยู่อันเดียวกัน  ไม่ให้ออกไปทางด้านปัญญา  จนกระทั่งนึกพุทโธ  เอาพุทโธมาเป็นคำบริกรรม  ทั้งๆ ที่จิตมันจ้าๆ ด้วยปัญญาแล้วนะ  มันไม่ได้สนใจกับสมาธิ  มันหาว่าสมาธินี้นอนอยู่เหมือนขึ้นเขียง  ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร  ปัญญาต่างหากเกิดประโยชน์  ปัญญาต่างหากมีความรู้ที่ละเอียดลออ  มันถึงนู้นแล้วก็าตำหนิสมาธิ

          เพราะฉะนั้น  มันจึงไม่อยากเข้าสมาธิ  มันไม่ได้เพลินเหมือนปัญญา  แต่ครั้นแล้วมันจะตายจริงๆ  ก็ถอยเข้ามาสู่สมาธฺ  บังคับไว้เลย  พอบังคับไว้แล้วพุทโธๆ ถึ่ยิบเลยนะ  นั่นล่ะเหมือนเรียน ก.ไก่  ก.กาใหม่นะ  พอบังคับเข้ามาจิตก็สงบเข้าๆ  แน่วลงสมาธิ  ก็มันมีอยู๋เป็นพื้นฐานมาแล้วได้ ๕ ปีแล้วว่าไง  แต่เวลามันเพลินกับปัญญา  มันไม่สนใจกับสมาธิต่างหาก  จึงเหมือนกับว่าสมาธิไม่มี

          ทีนี้พอย้อนเข้ามาหาสมาธิต้องถูกบังคับ  เพราะกำลังของสติปัญญามีมากกว่า  เกินกว่าที่จะมาพักในสมาธิ  แต่เวลามันจะตายจริงๆ ก็ต้องพัก  เหมือนเราพักงานของเรา  ทำอะไรก็ตาม  เห็นว่ามีรายได้ๆ  โดยไม่คำนึงถึงกำลังวังชาของเจ้าของ  มันก็ไปไม่รอดคนเรา

          ทีนี้ก็ย้อนเข้ามาสมาธิ  จิตแน่วลงไปเลยสงบแน่ว  เป็นสมาธิเหมือนราเคยพิจารณา  ทีนี้เหมือนถอดเสี้ยนถอดหนามนะ  ความทุกข์ความลำบากลำบนที่เกี่ยวกับการพิจารณาทางด้านปัญญา  สงบตัวลงไปในองค์สมาธินี้  สงบแน่วเลย  ปล่อยให้มันอยู่นั้น  บังคับไม่ให้ออก  ถ้าเรารามือนิดหน่อย  มันจะผึงออกทางด้านปัญญา  เพราะอันนั้นมีกำลังมากกว่า  จึงต้องบังคับในสมาธิให้อยู่ในนั้น  จนกระทั่งจิตใจมีกำลังวังชากระปรี้กระเปร่า  รู้ชัดเจนในเจ้าของว่ามีกำลังเต็มที่แล้ว  ทีนี้จิตพอถอยออกนั้น  มันก็ใส่กับกิเลสเลยที่นี่ปัญญา  ตูมๆ เลย  ไม่มีถอย

          ทีนี้มันก็เห็นชัดเจน  ที่เราพิจารณานี้เหมือนมีดที่เราไม่ได้ลับหิน  มันก็ไม่คมเต็มที่ของมัน  แต่เวลามาพักสมาธิแล้ว  ออกไปคราวนี้เหมือนว่ามีดได้ลับหิน  เจ้าของก็ได้พักผ่อนนอนหลับ  มีกำลังวังชาแล้ว  กิเลสตัวนั้น  มีดอันนั้น  เราคนเก่าแหละฟาดนี้ขาดสะบั้นๆ นั่นเป็นอย่างงั้นนะพิจารณา  นี่จิตเมื่อเข้าถึงขั้นอัตโนมัติแล้วเป็นอย่างงั้น  ในภาคปฏิบัติผมเป็นในหัวใจของผมเอง  พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็เป็นอย่างนั้น  แต่ไม่เป็นกับเรา  เราก็ไม่รู้  ทีนี้เวลามันหนักเข้าๆ มันจะตายจริงๆ  หักกลับมาพักสมาธิเสียก่อน

          พอมันได้กำลังแล้วออกๆ  ทีนี้สติปัญญานี้เวลาเชื่อมกันเข้าไป  ก้าวเข้าถึงมหาสติมหาปัญญาละเอียดลออ  ซึมซาบไปหมด  กับกิเลสทั้งหลายโผล่ขึ้นมาไม่ได้  ขาดสะบั้นๆ ไปเลย  นี่เห็นไหมสติปัญญาฆ่ากิเลส  เมื่อมีกำลังจากการอบรมแล้ว  จะเห็นชัดเจนกับปฏิบัตินั้นแล  เอ้า ! กิเลสตัวไหนจะละเอียดขนาดไหน  ไม่มีที่จะพ้นจากสติปัญญา  และมหาสติปัญญาไปได้เลย  เป็นอันว่าขาดสะบั้นๆ  ทีนี้สุดท้ายความที่จะหลุดพ้นจากทุกข์เหมือนนิพพานอยู่ชั่วเอื้อม


_______________________________________

ไม่มีความคิดเห็น: