วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน : ประวัติ ตอนที่ ๘ พบองค์หลวงปู่มั่น (พ.ศ. ๒๔๘๕)

เทศน์เมื่อ  ๒๒  พฤษภาคม  ๒๕๔๙



          อย่างเราไปทีแรกไปบ้านโคกนามน  ไปครั้งแรกล่ะ  ไปหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเป็นครั้งแรก   เวลาไปมันกลางคืนด้วย  คนเราเก่งทางไหนก็เจอทางนั้น  เราเก่งหาเหตุหาผล  พระสีนวลมาพักวัดทุ่งสว่าง หนองคาย   เราตามหลวงปู่มั่นไม่ทัน...

          พอออกจากโคราชนี้แล้วไปไม่ทันท่าน  แต่ก็หวุดหวิดจริงๆ  ถ้าไม่รับกฐินทัน เพราะเรามุ่งจะไปหาท่านที่วัดโนนนิเวศน์ อุดรธานี   ท่านไปได้สองวัน  เราจึงมาถึง  เราก็เลยไปหนองคายก่อน  จึงได้พบพระสีนวล  ออกจากบ้านนามน  สำนักของหลวงปู่มั่นเรา  เดือนเมษายน มาพักด้วยกัน  ท่านบอกว่า  ท่านมาจากบ้านนามน  สำนักท่านอาจารย์มั่นคึกคักขึ้นเลยทางนี้  ไหนๆ ว่าอีกน่ะ  ท่านมาจากไหนแน่  มาจากนามน  สำนักท่านอาจารย์มั่น

          "ท่านออกจากสำนักท่านอาจารย์มั่นมาหรือ" ถาม   ท่านก็ชี้แจงให้ฟังอย่างชัดเจน  ทีนี้มันคึกคักขึ้นเลยนะจิต  ก็เลยไล่เบี้ยกัน  "ไหนทราบว่าท่านอาจารย์มั่นท่านดูเก่งใช่ไหม"   "โอ้ย ! อย่าว่าแต่ดุ  ถ้าผิดพลาดควรไล่  ท่านขับเลย  อย่างว่าแต่ดุเฉยๆ  ถ้าควรขับไล่  ท่านขับเลย  ท่านไม่เอาอะไรเป็นใหญ่ยิ่งกว่าธรรมวินัย"   ถึงใจเราตรงนี้นะ  ท่านไม่เอาอะไรใหญ่ยิ่งกว่าธรรมวินัย  ควรดู  ดู  ควรไล่  ไล่ทันที

          ทางนี้มันขึ้นปึ้งเลยในใจ  นี่ล่ะอาจารย์ของเรา คือ อาจารย์องค์นี้เองจะเป็นอาจารย์ของเรา  แทนที่จะเป็นผลลบกลับเป็นผลบวกนะ  มีกำลังใจปึ้ง  นี่ล่ะเราจะได้เจออาจารย์ที่จุใจ  พูดง่ายๆ ว่างั้นเราก็มุ่งทำงานอยู่แล้ว  ยิ่งได้ยินชื่อเสียงอย่างนี้ด้วยแล้ว  ยิ่งประทับน้ำหนักเข้าไปอีก  เตรียมของ ๓ วันไปเลยนะ  พอทราบเท่านั้นอยู่ได้ ๓ วันไปเลย  ไปก็อย่างว่า  หาอะไรก็เจออันนั้น  ไปก็ไปกลางคืน

          พอดีท่านออกจากบ้านนามน  มาสร้างวัดใหม่อยู่ที่บ้านโคกตอนเราจะไป  เราทราบว่ากำลังสร้างวัดใหม่อยู่ที่บ้านโคก  ท่านมาอยู่ที่นี่  เราก็ไป  ไปกลางคืนซิ  แต่ก่อนไม่มีรถมีรา  จากวัดสุทธาวาสเดินทางไปถึงบ้านโคกมืดพอดี  โยมเขาก็ไปบอกทาง  พอไปถึงบ้านโคกถามว่าหลวงปู่มั่นท่านพักอยู่ทางตะวันตกบ้าน  ไปกลางคืน  เขาก็เลยนำเราไป  บอกต้นทาง  นี่ให้ไปนี่นะ  เดินตามนี้ไป  ทางแคบๆ ท่านก็พึ่งไปอยู่ใหม่  ท่านไม่ชอบหรูหราด้วย

          ไปกลางคืนก็ไปเจอจริงๆ ไปมืดแล้ว  ไปก็ไปเห็นศาลาอย่างที่ว่า  ไปวินิจฉัยศาลา  วินิจฉัยกุฎิ  ท่านเดินจงกรม  ท่านมายืนอยู่นี้กลางคืนเราไม่เห็น  เราก็เซ่อๆ มองนั้นมองนี้  เดี๋ยวท่านก็โผล่เสียงของท่านออก  "ใครทางนี้"  ท่านว่างั้นนะ  อยู่ข้างๆ นี่   โอ้ย ! เมตรกว่าเท่านั้นถึงเรา  กลางคืนมันไม่เห็นกัน   "ใครมานี้"   ท่านว่างั้น ทางนี้ก็บอกว่า  "กระผม"  ขึ้นเลยนะ  "อันผมๆ นี้ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มี"  เสียงดังขึ้นเลยไม่ใช่ธรมดา  เงียบๆ พระเดินจงกรมอยู่ในป่าเหมือนไม่มีพระ  จวนมืดกำลังพระท่านเดินจงกรม

          "อันผมๆ นี้ตั้งแต่หัวล้าน  มันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน"  ค้านซิ  นี้ก็เปลี่ยนคำใหม่ปุ๊บ  "กระผมชื่อพระมหาบัว"   "เอ้อ ! ว่างั้นซิ  นี่ผมๆ แม้แต่เด็กเขาก็มีผม"  เอาอีกแหละ  นั่นล่ะโดนเอาจนได้  ยิ่งชอบนะ  ท่านว่านี้ยิ่งชอบ  เอ๊ะ ! ทำไมท่านถึงพูดถูกต้องเอานักหนา   "ผมๆ ตั้งแต่คนหัวล้าน  มันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน"  แน่ะ  "ตรงที่มันไม่ล้านล่ะมีผม  คนหัวล้านก็มีใช่ไหม"  ค้านซิน่ะเราจับเอาหมด  พอเราตอบว่า  "กระผมชื่อพระมหาบัว"  "เอ้อ ! อย่างนั้นซิ  นี่ผมๆ"  ท่านแหย่เอานะ  "ผมๆ ตั้งแต่เด็กมันก็มีผม"  เอาอีกแหละ  ขบขัน  เรื่องท่านเด็ดเดี่ยว  เด็ดเดี่ยวมาก  มันถึงใจ

          เวลาไปอยู่สำนักท่าน  ดูพระเณรองค์ใด  ตอนนั้นดูมีพระอยู่กับท่าน ๘ องค์นะตอนเราไป  มีอาจารย์เจี๊ยะนี่ล่ะองค์หนึ่งอยู่ที่นั่น  ดูพระองค์ไหนนี้เหมือนผ้าพับไว้ๆ จนไปยกพระทั้งหลายนี้   แล้วก็มาเหยียบตัวเอง   โธ้ ! พระทั้งหลายเหล่านี้ท่านคงจะเป็นพระอรหันต์ด้วยกันหมดแล้วมัง  จะเป็นลิงตัวเดียวแต่เราที่มาอยู่นี่เท่านี้ล่ะมัง   พออยู่ไปๆ นี่คือความเรียบร้อยเข้าใจไหม  ทุกสิ่งทุกอย่างมีสติสตังระมัดระวังตลอดเวลา  ไปด้วยความปลื้มปิตินั่นล่ะ  ดูพระเณรทั้งหลายเหมือนผ้าพับไว้  แล้วทำให้คิดไปอีกว่า  เอ๊ ! พระที่ท่านมาเหล่านี้ไม่ใช่ท่านเป็นพระอรหันต์หมดทุกองค์แล้วเหรอ  จะเป็นพระเซ่อๆ ซ่าๆ  มีแต่เราคนเดียวเท่านี้เหรอ  ครั้นอยู่ต่อไปสนทนาธรรมะก็ค่อยรู้เรื่องๆ ของกันและกันไป

          นี่พูดถึงเรื่องความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด  ตามหลักธรรมวินัยนี้สวยงามมาก  เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดแบบโจร  แบบมาร  แบบผู้ร้าย  ดูไม่ได้นะ  เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดทางด้านอรรถด้านธรรม  ยิ่งน่าเคารพเลื่อมใสเราได้ไปเห็นสำนักพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น  มองดูองค์ไหนเหมือนสติรอบตัวตลอดเวลา  ท่านเป็นอย่างนั้น  ผิดกันมากกับผู้ที่ไม่มีสติสตัง  ความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานมีน้อย  กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานมีมาก  ผู้นั้นล่ะความสำรวมระวัง  ความตั้งอกตั้งใจ  ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความจงใจหมดเลย  ทีนี้ก็น่าดู  ไอ้แบบโกโรโกโสอยู่ได้อยู่ไป  ไปได้ก็ไปนี้ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรนะ  อย่างพระที่ไปอยู่กับหลวงปู่มั่น  ดูองค์ไหนน่าเคารพเลื่อมใสทุกองค์ฯ

          นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์ที่เราไปหาท่านทีแรก  ยิ้มแย้มแจ่มใสพออกพอใจ  นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์  ไปถูกท่านขนาบเอาเสีย  ใครมานี่  กระผมอันผมฯ นี้  ขึ้นเลยทันที  ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผม  โธ่ ! เอาใหญ่เลยนะ  เงียบๆ นะพระเดินจงกรม  เหมือนวัดร้าง  เสียงท่านลั่นขึ้นพระทั้งหลายก็มาแล้ว  นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์ล่ะตั้งแต่เริ่มแรก

_________________________________




          

ไม่มีความคิดเห็น: